วันพุธที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2554

จากพระตำหนักดอยปุย แวะพะธาตุดอยสุเทพ

 จากพระตำหนักดอยปุยเดินทางใช้เวลาประมาณสิบนาทีก็ถึงวัดพระธาตุดอยสุเทพ
 10.20 น.เริ่มเดินเท้าขึ้นบันได ถึงด้านบนใช้เวลาเพียง 5นาทีเท่านั้นครับ




 ถ่ายเองทุกรูปนะครับกล้องธรรมดาๆได้รูปแค่นี้ก็โอแล้วครับ







 นั้งแบบนี้แสดงว่าคบกันมาระยะหนึ่งแล้ว55++




รวมระยะทางของทิปนี้
100 กิโล ไปกลับ
ทิปไกล้บ้านที่เทียวได้สบายๆ
กับค่าน้ำมันเพียง 60 บาท
ค่าผ่าน ประตู 2ที่ 30 บาทต่อคน
ค่ากินกาแฟ 30
ค่าข้าวซอยเนื้อ 40
ค่าสตอเบอร์รี่ 30
ขนมและน้ำดื่ม 30
รวมค่าใช้จ่ายเบาๆ 220 บาท
จ่ายน้อยสุดเท่าที่ไปเทียวมา
คุ้มค่าอย่างแรง
กลับมาเปิดร้านต่อตอนบ่ายโมง

จากบ้านม้งดอยปุย มาพระตําหนักดอยปุย

จากบ้านม้งดอยปุย 09.10น. มาพระตําหนักดอยปุย 09.30น.
จ่ายค่าเข้าไปคนละ20 บาท คนเยอะเหมือนกัน
เตือนเรื่องการแต่งตัวนะครับ กระโปรงสั้น กางเกงสั้นตั้งแต่หัวเข่าขึ้นไปห้ามเข้านะครับ
แต่เขามีผ้าคลุมรึผ้านุ่งให้นะครับถ้าอยากเข้าไป


 ทางเดินขึ้นอ่างด้านบนไม่ค่อยมีคนขึ้นไปเท่าไรแต่เราชอบแบบไม่มีคนก็เลยเลือกไปกัน







 ด้านหลังที่นั้งถ่ายรูปเป็นต้นพญาเสือโคร่งแต่ดอกร่วงไปหมดแล้ว
มีหลายต้นมากๆถ้าบานพร้อมกันน่าจะสวยมาก

 ทางขึ้นสุดท้ายก่อนถึงอ่างเก็บน้ำ



 ถึงไม่หล่อแต่ขี้เหล่นะครับ

 กอนี้ดูไกลๆแล้วไม่เท่าไรนะครับ

 แต่พอเข้ามาไกล้ๆแล้วต้นใหญ่กว่าหัวเราอีกอิอิ++



รูปนี่ส่งท้ายที่พระตำหนักดอยปุยครับ
เดียวไปแวะที่พระธาตุดอยสุเทพกันต่อ

จากขุ่นช่างเคี่ยน ไปต่อบ้านม้งดอยปุย

เดินทางออกจากขุ่นช่างเคี่ยนประมาณ 06.50น.
เดินทางต่อมาถึงที่หมู่บ้านม้งดอยปุยเวลา 07.20น.







 ดอกฝิ่นสวยๆ

 ชอบส่วนตัวอยากได้มาปลูกจังเลย


 ทางเดินสวนน้ำตกดอยปุย เก็บค่าเข้า คนละ10 บาท

 สตอเบอร์รีลูกใหญ่ๆในแก้วใบเล็กๆ 30 บาทขาดตัว
กินก๋วยเตี๋ยว และข้าวซอย บนนี้ชามละ 35-40 บาท
กับอากาศยามเช้า 15 อาศา

ไปก่อนนะบ้านม้งไว้เจอกันใหม่ปีหน้าถ้าผมไม่ตายซะก่อน
เพราะเดียวจะไปแวะพระตำหนักดอยปุยอีก

ไปขุนช่างเคี่ยน ดูซากุระเมืองไทย

 
ออกเดินทางตอนตี 5.10น.จากร้านที่อ.สารภี

ถึงที่ครูบาศรีวิชัย 05.38น. ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะผู้สร้างถนนทางขึ้นพระธาตุดอยสุเทพ 
จังหวัดเชียงใหม่
นักบุญแห่งล้านนา จังหวัดที่ปลูกข้าวมากที่สุดในไทย เพราะที่นี้คือล้านนา

แวะถ่ายรูปจุดชมวิวระหว่างทาง สองจุด

จุดที่สองที่แวะถ่ายรูปก่อนถึงพระธาตุดอยสุเทพในเวลา 05.49น.
ใช้เวลาจากครูบาถึงพระธาตุแค่สิบกว่านาทีเองถนนดีขึ้นเยอะเลย

เมื่อรอกันจนคบก็เริ่มเดินทางจากพระธาตุประมาณ06.10น.
ถึงปากทางเข้าขุนช่างเคี่ยนตอน 06.30น.จากพระธาตุถึงปากทางประมาณ 20นาที

เดินทางไปในความมืดมิดมีเพียงแสงจากรถของเราเท่านั้น
กับธนนที่คดเคี่ยวไปตามขุนเขาขึ้นๆลง
จนเราเข้ามาถึงจุดหมายในเวลา06.50น.ยังมืดอยู่เลย
มาเช้าจังเลยพวกเราเนี้ยไม่เคยมาก็เลยให้เวลาเต็มที่กะว่าอาจหลงทาง
แต่ก็ไม่หลงมาถึงได้ปลอดภัยด้วยจยย.
แต่ถ้าเอารถยนต์มาต้องขับระมัดระวังเพราะทางแคบ

เมื่อถึงแล้วก็เดินรับลมหนาวกันก่อนเพราะดูวิวก็ไม่เห็น

รั้วบ้านแบบบ้านๆได้จัยจริงๆ


ถ้าจะอยากกินข้าวหลามเห็นมองอยู่นาน

ในหมูบ้านก็เป็นถนนดินแบบนี้แทบทั้งหมด
นอกจากถนนหลักที่ขับผ่านกลางหมูบ้านจะเป็นถนนปูน

ซากุระยามเช้ามืด...จริงๆแล้วมองเห็นแล้วแต่กล้องถ่ายไม่ติดสีชมภูสวยๆของมัน

สองคันที่ผ่านความมืดเข้ามาถึงตั้งแต่เช้าเลย

จะถ่ายรูปเด็กๆก็พากันวิ่งหนีเข้าบ้านกันใหญ่เลย
น่าตาเราถ้าจะน่ากล้ว

อีกจุดที่เราแวะดื่มกาแฟมีพระและเด็กๆกำลังใส่บาตร 
พระที่เห็นทั้งหมดนับได้หนึ่งองค์
คำถามถามว่านับทำไม

คอฟฟี่ปริ้น น่าตาเกาหลีทุกคนเลย

กาแฟแก้วละ30บาท เขาปลูก-เก็บ-ตาก-คั้ว-บด-ชง-ขายเองเลย

พ่อลูกเจอกับ

เด็กๆกลุ่มนี้ชอบถ่ายรูป

เริ่มเก็บเกี่ยวความสวยงามที่รอคอย




ดอกสีขาวคือดอกท้อนะครับ เขาว่ามาอีกที



ใจจริงแล้วอยากเห็นดอยทั้งลูกเป็นสีชมภูมากกว่า
รึต้องติดสติ๊กเกอร์ไว้ว่าดอยลูกนี้สีชมภู55++









ดอกบางส่วนได้ร่วงไปบ้างแล้วนะครับเนื่องจากก่อนไป4-5วันมีฝนตกด้วย

ปีนี้ปีแรกที่ดอกยังพอมีให้ได้เห็นในช่วงเวลานี้
เพราะคนในพื้นที่บอกว่าปกติจะไม่มีแล้ว
แต่ปีนี้ดอกบานช้ากว่าทุกปี..
มีคนที่มาเทียวช่วงเวลาเดิมกับปีก่อนไม่ได้เห็นเลยชักดอกก็มีนะครับ

ชาวเขากำลังจะไปเก็บกาแฟที่ปลูกไว้ตามเขา
เราสามารถมองเห็นต้นกาแฟที่ปลูกอยู่ทั้วไประหว่างขับรถมา


 กำลังเดินทางออกจากหมู่บ้านขุนช่างเคี่ยน 07.50น.

 ทางบางช่วง

 ทางที่ขับผ่านมาเมื่อเช้ามืด

 รถคันแรกที่ขับสวนเรามาเขาพื่งมาถึงแต่เรากำลังจะกลับ




 เดียวไปแวะเทียวบ้านม้งดอยปุยกันต่อ...